เปิดวิธีการบริหารอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นกับ 'มิตซูบิชิ เอสเตท' เบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ ที่มุ่งสร้างโครงการและออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคน พร้อมอวดโฉมอาคารสูงสุดในญี่ปุ่นแห่งใหม่ ย้ำแผนความร่วมมือ เอพี มั่นคง เดินหน้ารุกคอนโดมิเนียมในไทย มุ่งเติบโตแบบยั่งยืน
บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นของประเทศญี่ปุ่น ที่มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่นอย่างหลากหลาย ทั้งอาคารสำนักงาน อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงธุรกิจค้าปลีก ได้เปิดเผยถึงโครงการใหม่ล่าสุด กับ Tokyo Torch Tokiwabashi tower โครงการสุดหรูแห่งใหม่ใจกลางย่านมารุโนะอุจิ (Marunouchi)
โครงการแห่งนี้เปิดมา 2 ปี มีจำนวน 38 ชั้น รองรับพนักงานได้จำนวนถึง 10,000 คน แนวคิดในการออกแบบมีความโดดเด่น ทั้งในด้านสถาปัตยกรรม และเปิดพื้นที่ทำงานให้เข้ากับกลุ่มคนหลากหลายวัฒนธรรม (multi - cutural) และผสมผสานเพื่อทำให้ทุกคนทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นมิตรกับทุกคนในสังคม
ตั้งแต่ขนาดทางเดิน สัดส่วนพื้นที่ วัสดุ ราวจับ ไปจนถึงการดีไซน์ความลาดชัน สัญลักษณ์ เพื่อให้การเดินทางทุกรูปแบบสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างง่าย และใช้งานได้สะดวก ยกตัวอย่างทั้ง
· Ground Floor การออกแบบทางเข้าหลัก พร้อมวัสดุปูพื้นเบรลล์บล็อก (Braille Block) และวัสดุปูพื้นแผ่นปูกันลื่น
· Basement Floor ดีไซน์ทางลาดพร้อมติดตั้งราวจับพื้นที่เชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
· Landscape พื้นที่สีเขียวดีไซน์พิเศษ พร้อมดีไซน์ทางลาดและราวจับ ด้วยสัดส่วนที่กว้างขวางเพียงพอเพื่อความสะดวกในการใช้งานรถเข็นทุกประเภท เป็นต้น
· ห้องน้ำสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ราวจับ อุปกรณ์ฉุกเฉิน
อีกทั้งมีลิฟต์โดยสารขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับรถเข็น และปุ่มกดระดับพิเศษที่สามารถกดเรียกและเลือกชั้นได้อย่างสะดวกสำหรับทุกคน
อีกทั้งพื้นที่ในศูนย์อาหาร ได้เปิดให้ช่วงกลางวันสำหรับพนักงานในอาคารแห่งนี้สามารถเข้ามาใช้บริการ กำหนดราคาขายอาหารที่พิเศษ โดยต่ำกว่าข้างนอก 30% ส่วนช่วงกลางคืนได้เปิดให้คนภายนอกสามารถเข้ามาทานอาหารภายในศูนย์อาหารแห่งนี้ได้ พร้อมกันนี้อาคารยังได้ออกแบบให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดเพื่อเชื่อมโยงคนทุกกลุ่มได้รับความสะดวกมากที่สุด
มิตซูบิชิ เอสเตท ยังประกาศอีกแผนงานที่น่าสนใจกับการขยายโครงการสร้างสำนักงานแห่งใหม่ ที่อยู่ติดกับอาคารแห่งนี้ วางแผนไว้ว่าจะเป็นอาคารสูงสุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูงประมาณ 390 เมตร มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 4-5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2570 ที่จะเข้าร่วมพลิกโฉมอาคารสำนักงานครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น
อีกโครงการที่ มิตซูบิชิ เอสเตท เปิดให้เห็นกับ “The Parkhouse Nishi Shinjuku Tower 60” หนึ่งในคอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว อาคารสูง 60 ชั้น มีจำนวน 953 ยูนิต เป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่อาศัยที่สูงสุดในประเทศญี่ปุ่น
โครงการนี้มีความโดดเด่นในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง (Facilities) ที่ได้นำแนวคิดที่เรียกว่า ENGAWA – MULTI GENERATION FACILITY การออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง ที่มุ่งเน้นถึงการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันภายในโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่นี้ พื้นที่ส่วนกลางเพื่อใช้ทำกิจกรรมร่วมกัน จึงกลายเป็นพื้นที่แห่งใหม่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยร่วมกันของผู้อาศัยหลากหลายช่วงวัย (multi - generation) ทำให้ทุกคนในคอนโดมิเนียมสามารถมาร่วมทำกิจกรรมด้วยกันได้
อีกสิ่งที่ทำควบคู่กันคือ การออกแบบทางเดินในพื้นที่ส่วนกลาง ลิฟต์
ราวจับ และวัสดุปูพื้นชนิดพิเศษในพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ของโครงการที่เอื้อต่อการใช้งานร่วมกันของผู้อาศัยหลากหลายช่วงวัย ได้อย่างสะดวกและปลอดภัยร่วมกันแล้ว
ทั้งนี้ตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้มีข้อกำหนดในเรื่องต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ว่าต้องมีสัดส่วนเท่าใดในแต่ละโครงการ เนื่องจากเมื่อลูกค้าเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ก็ต้องจ่ายภาษีให้แต่ละเมืองตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเมื่อแต่ละเมืองได้เงินภาษีมากขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาเมืองในอนาคตนั้นเอง
สำหรับความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง อสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่สองประเทศ ระหว่าง บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่มีเส้นทางดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 130 ปีจากประเทศญี่ปุ่น โดยร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน ตั้งแต่ปี 2557
ต่อมาในปี 2559 ได้ร่วมกันเปิดบริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนซ์ จำกัด ขึ้นในไทย โดยสำนักงานของบริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนซ์ จำกัด ตั้งอยู่ภายในออฟฟิศของเอพี ไทยแลนด์ และมีผู้บริหารและทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากทางญี่ปุ่นพร้อมเจ้าหน้าที่นั่งประจำสำนักงาน เพื่อทำงานร่วมกับทีมเอพีอย่างใกล้ชิด โดยยุทธศาสตร์หลักของบริษัทร่วมทุนมุ่งพัฒนาคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันครบรอบ ทศวรรษแห่งความร่วมมือแล้ว
ทั้งนี้ผู้บริหารจากสององค์กร ทั้ง “อนุพงษ์ อัศวโภคิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี ไทยแลนด์ และ “อะซึชิ นากาจิมะ” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท ได้ฉายภาพในทิศทางเดียวกัน กับความร่วมมือ พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทยในระยะยาว โดยพร้อมผนึกกำลังความร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่งต่อไป ภายใต้แนวคิดการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์เทรนด์การใช้ชีวิตร่วมกัน (INCLUSIVE LIVING) ซึ่งเป็นแนวคิดในการพัฒนาโครงการและการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคน ผ่านการมุ่งสู่คุณค่าต่อการใช้ชีวิต ร่วมกันของผู้คน สภาพแวดล้อมและสังคม
"มุ่งสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ให้ดีขึ้น ร่วมยกระดับให้สินค้าและบริการตอบโจทย์ชีวิตดีๆ ที่ลูกค้าเลือกเองได้ ทั้งหมดจะร่วมสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้แก่ประเทศไทยในระยะยาว"
ในห้วงเวลาร่วม 10 ปี มิตซูบิชิและเอพี ได้สานพลังความร่วมมือดำเนินโครงการอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งหมด 24 โครงการแนวรถไฟฟ้าเจาะตลาดกลางและบน มูลค่ารวมกว่า 116,300 ล้านบาท โดยมี 13 โครงการ มูลค่ารวม 60,650 ล้านบาท ได้ผลตอบรับดีและ Sold Out และมีโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาพร้อมขายอีก 11 โครงการ มูลค่า 55,650 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ยังเตรียมแนวคิดพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่ เพื่อสำหรับผู้สูงอายุ ที่จะดำเนินการพัฒนาในระยะต่อไป เนื่องจาก มิตซูบิชิ เอสเตท มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้อยู่แล้ว ตามแนวโน้มที่สังคมของประเทศญี่ปุ่นได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้วก่อนประเทศไทยมาหลายปี
แผนลงทุนที่เห็นอย่างชัดเจนกับ 2 โครงการร่วมทุนใหม่ในครึ่งปีหลัง 2566 ได้แก่ “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” โครงการระดับเพรสทีจ-ลักซ์ ติดรถไฟฟ้าบีทีเอส ราชเทวี ห้องชุดมีขนาดพื้นที่เริ่มต้น 35 ตร.ม. ราคาตั้งแต่ 8.29 ล้านบาท อีก โครงการ “RHYTHM เจริญนคร” มูลค่า 4,500 ล้านบาท กำหนดราคาขาย 170,000-180,000 บาทต่อ ตร.ม. ห้องเริ่มต้น 35 ตร.ม.
ที่มา:https://www.bangkokbiznews.com/property/1084289
วันที่ 19/08/2023
อัพเดทเมื่อวันที่ 19/08/2023